superruay789

สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง

สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง นี่คือสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ และยังคงมีอยู่จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งแตกต่างจากสิ่งมหัศจรรย์โบราณส่วนใหญ่ของโลกยุคโบราณ (ยกเว้นปิรามิดซึ่งยังคงอยู่) ในขณะที่มีความหลากหลายในแง่ของอารยธรรม 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ไม่ใช่แค่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่มนุษย์เริ่มรู้จักกันมากขึ้น และเดินทางไปหาเองก็สะดวกกว่าที่นั่น และโดยส่วนใหญ่ยังมีสภาพดีอยู่ มีการซ่อมแซม บูรณะอยู่ตลอด ส่งผลให้สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง และมีความสวยงามรอให้นักเดินทางไปเยือนสักครั้ง ได้แก่

สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง

1. โคลอสเซียม (Colosseum)

สิ่งมหัศจรรย์ของโลก โคลอสเซียม สนามกีฬากลางแจ้งขนาดมหึมา ตั้งตระหง่านอยู่กลางกรุงโรม ประเทศอิตาลี ตั้งแต่คริสต์ศักราช 72 สร้างเสร็จในรัชสมัยของจักรพรรดิติตัส และกลายมาเป็นต้นแบบของสนามกีฬาในปัจจุบัน เป็นศูนย์กลางความบันเทิงของชาวโรมันในสมัยนั้น และยังเป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนที่สุดของอาณาจักรโรมอีกด้วย

อัฒจันทร์สร้างเป็นรูปวงรี เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกใกล้ชิดกับนักกีฬา สร้างด้วยอิฐ หินทราย วัดเส้นรอบวงได้ประมาณ 527 เมตร สูง 57 เมตร จุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน ใต้อัฒจรรย์มีห้องใต้ดินที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่ของสิงโต และนักโทษก่อนปล่อยตัวไปสู้ในสนาม นอกจากนี้ยังใช้เป็นสถานที่แข่งขันของอัศวิน และนักรบกลาดิเอเตอร์ (Gladiator) ในขณะนั้นด้วย

สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง

2. หลุมฝังศพแห่งอเล็กซานเดรีย (The Catacombs of Kom el Shoqafa)

สถานที่ฝังศพของกษัตริย์อียิปต์อีกรูปแบบหนึ่งนอกเหนือจากพีระมิด แต่อยู่ลึกลงไปใต้ดินในภูเขาหินทรายเป็นชั้นๆ บางส่วนมีความลึก 70 ถึง 80 ฟุต โดยมีโถงทางเดินกว้าง 3 ถึง 4 ฟุต สำหรับสุสานแห่งนี้มีถึง 3 ชั้นด้วยกัน ชั้นที่ 1 ไว้เตรียมฌาปนกิจ ชั้นที่ 2 เป็นที่เก็บของ และชั้นที่ 3 ใช้เป็นที่รวมญาติมิตรเพื่อระลึกถึงผู้ล่วงลับ

ห้องฝังศพตั้งอยู่บนผนังอุโมงค์ลึก มีแท่นบูชาและโคมไฟเล็กๆ แขวนอยู่ และหลุมฝังศพได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา แต่ยังไม่ปรากฏว่าใครเป็นผู้สร้างสุสานแห่งนี้ สร้างเพื่อใครและสร้างตั้งแต่เมื่อไร? สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 2

สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง

3. กำแพงเมืองจีน (Great Wall of China)

หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่รู้จักกันแพร่หลาย พูดถึงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นในนิยายหรือภาพยนตร์ หลายๆ เรื่องสร้างมาตั้งแต่สมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ เพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าทางเหนือ เริ่มก่อสร้างประมาณ 338 ปีก่อนคริสตกาล การก่อสร้างใช้เวลานาน หลายรัชกาล

จนถึงทุกวันนี้ กำแพงเมืองจีนยังคงครองตำแหน่งกำแพงอิฐที่ยาวที่สุดในโลก จากการสำรวจพบว่ามีความยาวประมาณ 22,000 กิโลเมตร ความสูงประมาณ 8-9 เมตร ความกว้างตั้งแต่ 4.5 เมตร ถึง 7.5 เมตร พอให้ทหารม้ายืน 8 แถวได้สบายๆ มีป้อมปราการทุก ๆ 200 เมตรและแขวนระฆัง เพื่อบอกสัญญาณเหตุให้จอดในแต่ละเสา รวมแล้วมีไม่ต่ำกว่า 20,000 เสา

สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง

4. สโตนเฮนจ์ (Stonehenge)

หนึ่งในโบราณสถานลึกลับที่ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ใครเป็นผู้สร้างสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นระหว่าง 2,000 ถึง 3,000 ปีก่อนคริสตกาล ตั้งอยู่กลางที่ราบซอลส์บรี ห่างจากลอนดอน สโตนเฮนจ์เพียง 10 ไมล์ ประกอบด้วยหินสูงใหญ่ 112 ก้อน เรียงเป็นวงกลมซ้อนกันสามวง บ้างก็หลับ บ้างก็กองทับกัน หินวงนอกมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 ฟุต และหนักกว่า 30 ตัน ที่แปลกคือแถบนี้เป็นที่ราบกว้างใหญ่ ไม่มีร่องรอยของหินตันมาที่นี่ นอกจากนี้ยังสามารถวางซ้อนกันได้ เชื่อกันว่าสร้างขึ้นเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา หรือใช้ดูดาวและฤดูกาล

สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง

5. เจดีย์กระเบื้องเคลือบ เมืองนานกิง (Porcelain Tower of Nanjing)

อาจเป็นสิ่งมหัศจรรย์แห่งยุคกลางเพียงแห่งเดียวที่ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ สร้างขึ้นในสมัยกบฏไท่ผิงในศตวรรษที่ 19 และหอคอยที่เราเห็นในปัจจุบันเป็นหอคอยที่สร้างขึ้นใหม่ในปี 2010 ศตวรรษที่ 15 สมัยราชวงศ์หมิง เป็นเจดีย์แปดเหลี่ยม 9 ชั้น สูงประมาณ 79 เมตร เจดีย์ก่อด้วยอิฐเคลือบ กระเบื้อง. ชายคาแขวนระฆัง 80 ใบรอบองค์เจดีย์ ก่อด้วยอิฐ ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ ลูกศรทรงกลมยังคงพุ่งขึ้นปกคลุมด้วยทองคำ

สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง

6. หอเอนเมืองปิซา (Leaning Tower of Pisa)

หอเอนเมืองปิซ่า ตั้งอยู่ใน Piazza del Duomo (เปียซซา เดล ดูโอโม) สร้างด้วยหินอ่อน สูง 8 ชั้น น้ำหนักรวมประมาณ 14,500 ตัน เริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ. 1173 แต่เมื่อสร้างชั้นที่ 3 แล้ว ด้านหนึ่งของ หอคอยเริ่มสร้าง ยุบลง สถาปนิกจึงพยายามก่อสร้างต่อไปโดยเอนหอคอยไปด้านหนึ่งเพื่อความสมดุล แต่ไม่นานการก่อสร้างก็หยุดชะงักเพราะสงคราม สรุปสร้างสำเร็จในปี พ.ศ. 1372 (รวมหอระฆัง) รวมเวลาสร้าง 177 ปี

สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง

7. ฮาเกียโซเฟีย (Mosque of Hagia Sophia)

สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ สถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ของ Hagia Sophia ซึ่งเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาเกือบพันปี ปัจจุบันยังคงอนุรักษ์ไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ แต่ก่อนหน้านั้น Hagia Sophia เปลี่ยนไปหลายสถานะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และผู้ปกครองในทุกยุคทุกสมัย ตั้งแต่ ค.ศ. 532 ถึง ค.ศ. 537 เป็นโบสถ์ศูนย์กลางของนิกายอีสเติร์นออร์ทอดอกซ์ ต่อมาในปี ค.ศ. 1453 ได้เปลี่ยนเป็นมัสยิดจนถึงปี ค.ศ. 1453 ในปี ค.ศ. 1935 รัฐบาลตุรกีได้เปลี่ยนมัสยิดเป็นพิพิธภัณฑ์ Hagia Sophia ครอบคลุมพื้นที่ 700 ตารางเมตร มีเสาแกะสลักสวยงาม 108 ต้นประดับด้วยกระจกสี และยอดโดมขนาดใหญ่กลางวิหารที่มีศิลปะผสมผสานระหว่างศาสนาคริสต์ และอิสลาม จึงมีความงดงามในแบบที่หาชมที่ไหนไม่ได้จริงๆ